ตำนานความเชื่อ “สี่หูห้าตา”

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มกำพร้า ฐานะยากจนข้นแค้น พระอินทร์ ได้เล็งเห็นความเป็นอยู่ของชายผู้นี้จึงนึกสงสาร และคิดจะช่วยเหลือ ให้พ้นจากความทุกข์ยากนั้น พระอินทร์ จึงได้แปลงกายเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งเพื่อมาทดสอบชายหนุ่ม ช่วงปลายฝนต้นหนาว ปรากฎมีสัตว์ได้ออกมาทำลายต้นข้าวในท้องนา ที่ชายหนุ่มปลูกไว้  ชายหนุ่มจึงวางแผนดักจับสัตว์ที่มาทำลายต้นข้าวที่ปลูกนั้น หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็ สามารถดักจับสัตว์ ที่มาทำลายต้นข้าวได้ แต่สิ่งที่พบนั้นคือ สัตว์ที่มีรูปร่างแปลกประหลาด มีหูสี่หู มีดวงตาห้าดวงตา รูปร่างคล้ายลิง ชายหนุ่มจึงจับมาผูกไว้ที่ต้นเสาเรือน ตกเย็นก็เอาอาหารที่มีเพียงเล็กน้อยพอปะทังชีวิต ให้กับสัตว์ที่มีรูปร่างประหลาดที่ออกมาทำลายต้นข้าวนั้นกิน แต่มันก็หาได้กินไม่ พอตกดึกเข้า อากาศเริ่มหนาวเย็น เพราะเข้าฤดูหนาวแล้ว จึงก่อกองไฟไว้เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นให้กับสัตว์ที่ตนจับมัดไว้ จากนั้นชายหนุ่มจึงเข้านอน ด้วยความหนาวเย็น จึงต้องทำให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมากลางดึก หมายขยับตัวเข้าใกล้ๆ กับกองไฟที่ก่อไว้ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น พลันก็ต้องตกตะลึงถึงกับช๊อก แล้วสลบไป เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดนั้น กำลังหยิบถ่านไฟที่ร้อนระอุ เข้าปาก กินอย่างอเร่ดอร่อย โดยไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด เช้ารุ่งขึ้นชายหนุ่มกลับต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็น สัตว์ประหลาดนั้น กำลังขับถ่ายอุจจาระออกมาเป็นทองคำ เหลืองอร่อม เต็มไปหมด สัตว์ประหลาดนั้นได้มอบทองคำทั้งหมดให้ชายหนุ่ม ด้วยความที่ชายหนุ่มมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไม่คิดฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น ทั้งๆที่ มันเข้ามาทำลายต้นข้าว ที่ปลูกไว้เลี้ยงชีพ ให้รู้สึกขุ่นเคืองก็ตาม ชายหนุ่มผู้ยากไร้ ก็กลับร่ำรวยขึ้นมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำบุญกุศลอยู่มิได้ขาด ชายหนุ่มมาคิดย้อนหลังไปว่า หากเราคิดฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น เราคงจะไม่มีวันนี้เป็นแน่

สี่หูห้าตาตำหรับ หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ได้กล่าวว่า สี่หูห้าตา นี้คือ องค์อัมรินทร์ อังทรงฤทธิ์ มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อันเกิดจาก พรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทั้งรักษาศีลมิดได้ขาด หากผู้ใด ได้ครอบครอง รักษาศีล รักษาพรหมวิหารสี่ได้ดี ชีวิตจะมีแต่ความสุข ความเจริญ มั่งคั้งร่ำรวย เป็นเศรษฐีตลอดกาล